โครงการ “วัฒนธรรมไทย สู่วัฒนธรรมองค์กร” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 5
เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรศิริราชได้เรียนรู้และสัมผัสคุณค่าของความเป็นไทย
ทั้งด้านวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว 

     เราอยากชวนทุกคนหันกลับมามองสิ่งดีงามที่เรามีอยู่แล้วในความเป็นไทย
เพื่อร่วมกันรักษาและส่งต่อให้คงอยู่ในหัวใจของคนศิริราชต่อไปเพราะ “วัฒนธรรมไทย” ไม่ได้อยู่เพียงในอดีต แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนองค์กรของเราให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างงดงาม


ในส่วนสถานที่ๆเราจะพาไปชมในปีนี้มีที่ไหนบ้างสามารถอ่านรายละเอียดทางด้านล่างนี้


1.วัดวีระโชติธรรมาราม 

เริ่มต้นกันที่ วัดวีระโชติธรรมาราม ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนา จุดเด่นของวัดนี้คือองค์หลวงพ่อโสธรขนาดใหญ่และอุโบสถแก้วกลางน้ำ ภายในวิหารแก้วพระราชพรหมยาน ที่มีสรีระสังขารจำลองของหลวงปู่ฤๅษีลิงดำ และอุโบสถแก้วกลางน้ำราชพรหมยานอนุสรณ์ ซึ่งภายในประดับกระจกเงา ลวดลายทรงไทย อักขระยันต์ ด้านบนบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระเกศาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ มีสมเด็จองค์ปฐมพระประธาน และหลวงพ่อ 5 พี่น้อง 5 พระองค์ ประกอบด้วย หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา


2.พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย

     เยี่ยมชม "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" จังหวัดปราจีนบุรี อาคารสถาปัตยกรรมยุคบาโรกอันงดงามที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เพื่อถวายเป็นที่ประทับแรมของพระมหากษัตริย์

     ในอดีตอาคารหลังนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ และเคยใช้เป็นอาคารอำนวยการของโรงพยาบาล ก่อนจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นปัจจุบันตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้จัดตั้งเป็น "พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย" ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรถึง 11 ห้องเชิญศึกษาประวัติศาสตร์ตึก ประวัติเมืองปราจีนบุรี และองค์ความรู้ด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยที่หาชมได้ยาก อาทิ ห้องท้องพระโรง ห้องการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร และห้องตำราสถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และภูมิปัญญาไทยทางการแพทย์ไว้อย่างครบถ้วน


3.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี

     พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี  หนึ่งในเครือข่ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของประเทศไทย ที่ดำเนินการโดยกรมศิลปากรพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดเป็นประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดีประจำภาคตะวันออก มีบทบาทสำคัญในการ รวบรวม จัดแสดง และอนุรักษ์โบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ที่ค้นพบจากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกผู้สนใจประวัติศาสตร์และโบราณคดีสามารถมาศึกษาเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพัฒนาการทางวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ฯ ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขยายเครือข่ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2469) และปัจจุบันมีถึง 43 แห่งทั่วประเทศ.


4.ร้านของฝาก

ร้านของฝาก ร้านปูกะเอ

     หากมาเยือนฉะเชิงเทรา สิ่งที่ห้ามพลาดคือการแวะร้าน "ปูกะเอ" ร้านของฝากที่เริ่มต้นจากความตั้งใจของสองพี่น้อง "คุณปูและคุณเอ" ที่สร้างสรรค์ขนมจนโด่งดังมายาวนาน ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ร้านขนม แต่เป็นอาณาจักรของฝากที่มีครบครัน

จุดเด่น: เค้กชิฟฟอนที่นุ่มละมุนลิ้น หอมกรุ่น และความสดใหม่ของวัตถุดิบ เมนูเด็ดที่ต้องลิ้มลองคือ "ชิฟฟอนมะพร้าวอ่อน"  ด้วยรสชาติกลมกล่อม หวานกำลังดี ไส้มะพร้าวอ่อนจัดเต็ม นอกจากนี้ยังมี พายมะพร้าวอ่อน และขนมปังสังขยาที่อร่อยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีของฝากให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือก่อนเดินทางกลับ


     การเดินทางในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโครงการ “วัฒนธรรมไทย สู่วัฒนธรรมองค์กร” 
ที่มุ่งหวังให้บุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ออกไปสัมผัส เรียนรู้ และซึมซับคุณค่าของวัฒนธรรมไทยจากแหล่งประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งสามสถานที่ที่ได้ไปเยี่ยมชมไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม หากยังเป็นแรงบันดาลใจให้เห็นถึงรากเหง้า ความคิดสร้างสรรค์ และความสามัคคีที่หล่อหลอมความเป็นไทยให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

     ตลอดการเดินทาง เรามุ่งหวังให้บุคลากรได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมอง สร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าการเรียนรู้วัฒนธรรมไทยไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์สิ่งดีงามของชาติ แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กรให้เข้มแข็ง มีคุณธรรม และทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อนเดินทางกลับ เราจะพาทุกท่านแวะร้านของฝากท้องถิ่นของจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งท้ายอย่างอบอุ่นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน และตอกย้ำแนวคิดของการ “เชื่อมโยงคุณค่าความเป็นไทย สู่องค์กรแห่งความยั่งยืน” อย่างแท้จริง

     โครงการ “วัฒนธรรมไทย สู่วัฒนธรรมองค์กร” จึงไม่เพียงแต่สร้างการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมเท่านั้น 
แต่ยังได้ปลูกจิตสำนึกแห่งความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ส่งต่อคุณค่านี้ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ที่จะขับเคลื่อนศิริราชให้ก้าวไกล ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความดีงาม ความสามัคคี และความเป็นไทยที่ยั่งยืน

Comments
* The email will not be published on the website.
I BUILT MY SITE FOR FREE USING